APEC 2022: หมุดหมายแห่งความเปลี่ยนแปลง (?)
- klangpanyath
- 9 ธ.ค. 2565
- ยาว 4 นาที
อัปเดตเมื่อ 10 ธ.ค. 2565
อิทธิพลภูมิศาสตร์การเมือง/ภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนไป การปรับทิศทางนโยบายต่างประเทศไทย

รศ.ดร. วรารัก เฉลิมพันธุศักดิ์
ศูนย์อาเซียนและการระหว่างประเทศศึกษา
(Centre for ASEAN and International Studies: CAIS)
สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
º สีสันก่อนการประชุม (ปักกิ่งกับวอชิงตัน)
หลายคนที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวระหว่างประเทศ อาจเฝ้ามองช่วงเวลาก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC) หรือที่เรียกกันจนคุ้นชินว่า การประชุมสุดยอดเขตเศรษฐกิจเอเปก ด้วยความแอบกังวลว่ายังจะมีความโดดเด่นใดอยู่หรือไม่ เพราะกรุงเทพมหานครหาใช่พื้นที่แรกที่ผู้นำจีนเดินทางเยือนหลังประกาศใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ (zero-Covid) โดยมีคาซัคสถาน ดินแดนที่สี จิ้นผิง (Xi Jinping) ประกาศนโยบายหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (One Belt, One Road: OBOR) เป็นครั้งแรกเมื่อค.ศ. 2013 {ก่อนจะปรับเปลี่ยนชื่อเป็นการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)} เป็นพื้นที่ต้อนรับแห่งแรกเมื่อราวกลางเดือนกันยายน ค.ศ. 2022 ก่อนที่สีจะเดินทางต่อไปยังเมืองซามาร์คาน (Samarkand) ในอุซเบกิสถาน เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization: SCO) ซึ่งเป็นเวทีหารือร่วมกันระหว่างจีน รัสเซีย และกลุ่มประเทศเอเชียกลาง[1]
ตามมาด้วยการเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G-20 ที่บาหลี อินโดนีเซีย อีกหนึ่งประเทศที่สี จิ้นผิงใช้เป็นพื้นที่ผลักดันนโยบายเส้นทางสายไหมทางทะเล การประชุมก่อนหน้าเอเปกที่กรุงเทพฯครั้งนี้นับได้ว่า ได้รับการจับตามองอย่างมากเมื่อสามารถจับภาพร่วมกรอบระหว่างผู้นำปักกิ่งและผู้นำวอชิงตัน ดี.ซี. ท่ามกลางบรรยากาศการสะสมตัวของหลากหลายความตึงเครียดทั้งที่ใกล้ตัวเราอย่างกรณีปัญหาช่องแคบไต้หวัน ที่เชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับเรื่องของอำนาจทางการทหาร บทบาท และอิทธิพลของจีนในเขตพื้นที่ทะเลจีนใต้ ไปจนถึงเรื่องที่ดูไกลตัวอย่างอย่างสงครามที่มีทีท่าจะยังคงยืดเยื้ออีกนานระหว่างยูเครนและรัสเซีย ที่ลากลามมายังเรื่องราวในชีวิตประจำวันของเรากับความผันผวนของราคาพลังงาน ซึ่งแน่นอนว่ายุโรปย่อมได้รับผลกระทบมากที่สุดจากช่วงฤดูหนาวปีนี้เป็นต้นไป ดังจะเห็นได้จากภาวะเงินเฟ้อที่เริ่มขยับตัวสูงขึ้น และยังจะกระทบภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีแนวโน้มจะหดตัวลง เมื่อต้องมีการนำพลังงานในภาคดังกล่าวไปใช้สนับสนุนภาคครัวเรือนและอื่นๆ เพื่อแก้วิกฤตเฉพาะหน้า[2]
สามชั่วโมงของการเจรจาทวิภาคีระหว่างสีและไบเดน แทบจะดึงดูดทุกสายตาของชาวโลกที่สนใจความเป็นไปของเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศ แน่นอนว่าหลายฝ่าย (ไม่ว่าจะเอนเอียงไปทางด้านใด) ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อผลจากการประชุมโดยภาพรวมส่งสัญญาณบวก และแม้จะออกแถลงการณ์ร่วมในการตำหนิรัสเซียจากกรณีสงครามดังกล่าวข้างต้น แต่ลักษณะภาษาที่ใช้ก็ได้พยายามให้ราบเรียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กล่าวได้ว่าสำหรับผู้ที่สนใจมิติด้านการทูตแล้ว การประชุมเวทีใหญ่ในเดือนพฤศจิกายนมีหลากหลายเรื่องราวให้ได้เรียนรู้และตั้งข้อสังเกตมากมาย รวมถึงการที่ผู้นำทั้งสองประเทศพยายามช่วงชิงการนำวิสัยทัศน์ในการแก้สารพันปัญหาระดับโลกที่หาได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน รวมถึงการนำเสนอวิสัยทัศน์ที่พยายามขยับห่างจากช่วงสงครามเย็น แม้กระนั้นก็ยังยากที่สองผู้นำดังกล่าวจะสามารถกลบรัศมีการมีส่วนร่วมแบ่งปันความโดดเด่นของผู้นำจากอีกหลายประเทศ อาทิ อาร์เจนตินา อินเดีย และซาอุดิอาระเบีย[3] มิพักต้องเอ่ยถึงเจ้าภาพอย่างอินโดนีเซียที่มีฉากหลังของการเป็นผู้นำกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Non-Aligned Movement: NAM) ร่วมกับอินเดีย และจีนมาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1960[4]
ท่ามกลางความโดดเด่นของเวทีประชุมระหว่างประเทศดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามไม่น้อยว่า การทุ่มงบประมาณกว่า 3,200 ล้านบาท และดำเนินการด้านต่างๆไปมากมายนั้น ไทยจะได้อะไรบ้าง นอกเหนือจาก “หน้าตาของประเทศ” ที่ผู้นำวอชิงตัน ดี.ซี อย่างโจ ไบเดน (Joe Biden) เลือกใช้ข้ออ้างเรื่องการเข้าร่วมพิธีวิวาห์ของหลานสาวในการไม่มาปรากฏตัวที่กรุงเทพฯ กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) จึงเป็นรองประธนานาธิบดีเชื้อสายอินเดียจึงดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมโดยเฉพาะเมื่อเชื่อมโยงภาพกับการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (สิงคโปร์ และเวียดนาม) ก่อนหน้านี้ของเธอเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2021 เพื่อยืนยันว่าวอชิงตัน ดี.ซี. ยังคง(กลับมา)ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้[5] แต่ตัวเลือกการเยือนที่ตอกย้ำด้วยถ้อยคำพาดพิงถึงพฤติกรรมที่ยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคกดบังคับเพื่อนบ้านเช่นนี้ไม่เพียงจุดประเด็นในเรื่องการช่วงชิงพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของโลก[6] แต่ยังทำให้ (อย่างน้อยก็ตัวผู้เขียนเอง) อดตั้งตารอดูการขยับก้าวต่อไปของปักกิ่งไม่ได้ว่าจะเป็นเช่นใด และเราก็ได้เห็นภาพการเยือนของสีดังกล่าวข้างต้น แม้จะต่างปีกันก็ตาม และสาสน์ที่ส่งผ่าน BKK APEC 2022 ดังจะได้กล่าวต่อไป
ไม่ว่าจะอย่างไร ด้วยความที่ปฏิสัมพันธ์ข้างต้นค่อนข้างมีลักษณะต่างฝ่ายต่างตอบโต้ (tit-for-tat) ในทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะนับตั้งแต่ช่วงสงครามเศรษฐกิจภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ทำให้ผู้คนไม่น้อยจับตามองด้วยความกังขาว่า ผู้นำจีนจะยังเดินทางมาหรือไม่ เพราะประเด็นหลักและวิสัยทัศน์เชิงการแข่งขันที่วังคมโลกเฝ้าจับตาใช่แสดงให้เห็นแล้วที่บาหลีหรือ ไม่เพียงเท่านั้นปักกิ่งยังเผชิญแรงต้านที่เพิ่มมากขึ้นต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ จากการเพิ่มระดับความเครียดและความกังวลของผู้คนจนนำไปสู่การประท้วงนโยบายดังกล่าว อาทิ กรณีแรงงานฟอกซ์คอนน์ (Foxconn) ที่เจิ้งโจว และลุกลามมากขึ้นเมื่อเกิดกรณีใช้ไฟไหม้ที่อุรุมชีในซินเจียง (ที่โหมกระแสความไม่พอใจต่อชาวฮั่นกลับขึ้นมาอีกครั้ง) จนเกิดการประท้วงทั้งในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เฉิงตู ฉงชิ่ง อู่ฮั่น และเมืองอื่นๆ เพราะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมาย (คาดไว้ที่ระดับร้อยละ 5.5 สำหรับค.ศ. 2022 แต่แนวโน้มที่เป็นจริงอยู่ที่ระดับร้อยละ 3.9) และอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น[7]
º ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นจริง จากการประชุม
นอกเหนือจากการกล่าวถึงความสำเร็จของอำนาจอ่อน (soft power) จากมิติสังคม-วัฒนธรรม ที่ยังดำรงอยู่ในการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไทยที่สร้างความประทับใจให้แขกรับเชิญพิเศษ (ประเภทที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเอเปก ซึ่งรัฐบาลไทยตอบรับเมื่อผู้นำขอเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้) อย่าง เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ผู้นำฝรั่งเศสที่ไม่เพียงประกาศตัวในฐานะแฟนคลับมวยไทย และชื่นชมการผสมผสานวัฒนธรรมไทย-จีนที่จับต้องได้ในการกินดื่มด้วยการเยือนเยาวราช[8] แต่ยังใช้เวทีแห่งนี้บอกกล่าวกับสังคมระหว่างประเทศที่อาจกำลังเคลื่อนผ่านเข้าสู่โลกยุคหลังโควิด-19 ว่า โลกไม่ควรและไม่อาจแบ่งออกเป็นกลุ่มก้อน (และตะวันตกหาได้มีเพียงแองโกล-อเมริกัน) ที่สร้างความตึงเครียดและความหวาดหวั่นให้กับอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific) ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่แห่งความหวังในการฟื้นตัวของสารพันประเทศและเขตเศรษฐกิจ[9] แต่สาส์นที่สำคัญของมาครงไม่ว่าจะมองจากแง่มุมใดก็คงเลี่ยงไม่พ้นการประกาศตนว่า ฝรั่งเศสยังคงอยู่ตรงนี้ทั้งในฐานะรัฐฝรั่งเศสเองและส่วนหนึ่งการการนำสหภาพยุโรป (European Union: EU) ไปในทิศทางที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สิ่งที่มาครงให้สำคัญก็คือการสร้างสมดุลอย่างมีพลวัตท่ามกลางสภาพแวดล้อมดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของฝรั่งเศสเองที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายในเรื่องของห่วงโซ่อุปาทาน การเชื่อมต่อด้านดิจิตัล ความสำคัญของสภาพแวดล้อมและความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ[10]
กมลา แฮร์ริส เองก็ให้ความสนใจกับอำนาจอ่อนของไทยเช่นกันโดยเฉพาะการเยือนตลาดอ.ต.ก. จนช่วยก่อกระแสความสนใจในการการซื้อเครื่องแกงทั้งเครื่องแกงเขียวหวานและเครื่องแกงต้มยำ รวมไปถึงตะไคร้แห้ง ในกลุ่มนักท่องเที่ยวรวมถึงผู้ที่ติดตามอินสตาแกรมของเธอกว่า 17.1 ล้านคน แม้ว่าจะยังไม่อาจก่อกระแสไวรัลได้เท่ากับการลงภาพอาหารเรียกน้ำย่อยที่เป็นตัวแทนสี่ภาคของไทยจากเฟสบุ๊กของผู้นำสิงคโปร์[11] ไม่ว่าจะอย่างไร สารสำคัญจากสาส์นที่แฮร์ริสส่งผ่านเอเปกในครั้งนี้สู่สังคมระหว่างประเทศก็ยังเป็นที่จับตามองและเฝ้าติดตามอย่างมากถึงท่าทีของสหรัฐอเมริกา นอกเหนือจากสนับสนุนนโยบายของไทยที่เน้นการพัฒนารูปแบบเศรษฐกิจองค์รวมที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเทคโนโลยีก้าวหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวซึ่งไทยนำเสนอในรูปของ “Bio-Circular Green Economy model”
สหรัฐอเมริกายังสนับสนุนการเพิ่มบทบาทของไทยในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Sub-region: GMS) และเน้นย้ำถึงข้อมูกมัดของสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนที่จะช่วยในการเสริมสร้างสันติภาพ ความมั่งคั่ง และการพัฒนาที่ยั่งยืนในเขตพื้นที่จีเอ็มเอส เพราะสำหรับสหรัฐอเมริกาในฐานะมหาอำนาจแปซิฟิกที่มีความภาคภูมิใจนั้น ผลประโยชน์ที่สำคัญคือ การสนับสนุนให้ภูมิภาคดังกล่าวมีลักษณะที่เปิดกว้าง พึงพาตนเองได้ มั่นคง และเชี่อมโยงความมั่งคั่งถึงกัน[12] แน่นอนว่าความสัมพันธ์ทวิภาคีจากความร่วมมือหลากหลายรูปแกับไทยก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเพิ่มมูลค่าการค้าที่เชื่อมโยงกับความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ของห่วงโซ่อุปาทาน (มีการลงนานกันไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา) เพิ่มบทบาทของความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดและดิจิตัล ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมเพื่อการเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์ นอกเหนือไปจากความร่วมมือด้านความมั่นคงโดยเฉพาะจากความท้าทายใหม่ เพื่อรูปธรรมที่ชัดเจนไทยจึงเน้นความสำคัญของกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (the Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS) เช่นเดียวกับกรอบจีเอ็มเอสซึ่งไปกันได้ดีกับกรอบอำนาจหุ้นส่วนอำนาจแม่โขง สหรัฐอเมริกา-ญี่ปุ่น (Japan-U.S. Mekong Power Partnership: JUMPP) โดยเฉพาะเมื่อค.ศ. 2023 จะเป็นโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 190 ปีระหว่างไทยกับสหรัฐอเมิกา[13]
ไม่ว่าความพยายามและท่าทีของแฮร์ริสจะเป็นเช่นใด ก็ยังไม่ง่ายจะชดเชยกับความเป็นจริงที่ว่าไบเดนมิได้ปรากฏตัว จนทำให้เกิดความคลางแคลงใจถึงศักยภาพในการเอาจริงเอาจังกับภูมิภาคดังกล่าวของวอชิงตันดี.ซี. เพราะกรอบความร่วมมือต่างๆดังกล่าวข้างต้น หาใช่พื้นที่การนำของสหรัฐอเมริกาแต่เพียงผู้เดียว หากยังต้องรับฟังญี่ปุ่น (ซึ่งมีหลากหลายเวทีและโอกาสให้ได้พิจารณาปรับท่าทีต่อจีนได้บ่อยครั้ง) และอาเซียน ที่ยืดหยัดในเวทีระหว่างประเทศด้วยการรักษาสมดุลระหว่างฝ่ายต่างๆมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ง่ายเช่นกันที่จะปฏิเสธว่า ความใกล้ชิดที่เพิ่มมากขึ้นกับจีนจากพลังทางเศรษฐกิจของฝ่ายหลังอาจทำให้อาเซียนยิ่งขยับห่างจากวอชิงตันดี.ซี. เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ ไม่ต่างจากท่าทีของไทยต่อจีนในการประชุมเอเปกครั้งนี้
นอกจากเจ้าภาพอย่างไทยที่ได้ “หน้าตาของประเทศ” มากมาย ท่ามกลางการตั้งข้อสงสัยจากหลากหลายกลุ่มความเคลื่อนไหวในสังคมว่า เม็ดเงินที่ทุ่มลงไปนั้นคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนกับเรื่องอะไรบ้าง สิ่งที่ยากจะปฏิเสธก็คือ ความโดดเด่นของสี จิ้นผิง ซึ่งนำเสนอสุนทรพจน์ให้คำมั่นว่า จีนจะร่วมสนับสนุนให้ความร่วมมือในเอเชีย-แปซิฟิกไปสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้น การพัฒนาอย่างสันติคือสภาพเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการเติบโตของเศรษฐกิจขนาดกลางและเล็กซึ่งมีอยู่ไม่น้อยในภูมิภาค สีเน้นย้ำว่า เอเชีย “ไม่ใช่สนามหลังบ้าน” ของมหาอำนาจใด (แต่ท่าทีของสีและความโน้มเอียงของหลายประเทศในเอเชีย อดทำให้ผู้เขียนเทียบเคียงไม่ได้กับการประกาศท่าทีของผู้นำสหรัฐอเมริกาในอดีต จนเป็นที่มาของลัทธิมอนโร (Monroe Doctrine) ที่ทำให้ภูมิภาคลาตินอเมริกาต้องเผชิญกับแรงกดทับจนถึงขั้นใช้กำลังเข้าแทรกแซงในบ้างครั้งจากวอชิงตัน ดี.ซี) และไม่ควรจะเป็นพื้นที่เพื่อการแข่งขันของมหาอำนาจ การเปิดกว้างและการยอมรับให้เข้าเป็นส่วนหนึ่ง (inclusiveness) เป็นเส้นทางที่เอเปกดำเนินมาอยู่แล้ว ดังนั้น ความพยายามใดก็ตามที่จะทำให้ห่วงโซ่อุปาทานด้านอุตสาหกรรมในเอเชีย-แปซิฟิกต้องหยุดชะงักหรือแตกสลาย ย่อมทำให้เส้นทางแห่งความร่วมมือสิ้นสุดลง
สำหรับสีแล้วเส้นทางของเอเปกที่เป็นความหวังแห่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จำเป็นต้องเสริมความแกร่งให้กับความร่วมมือนี้ด้วยการสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อให้บูรณาการทางเศรษฐกิจนำไปสู่การพัฒนาประชาคมเอเชีย-แปซิฟิกที่แบ่งปันอนาคตร่วมกันผ่านหลัก 6 ประการ นั่นคือ
1) เครารพต่อหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ (UN Charter) ปฏิเสธความนึกคิดจิตใจแบบสงครามเย็น (Cold War mentality) การเผชิญหน้าแบบเป็นกลุ่มก้อน และสร้างสถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงแห่งเอเชีย-แปซิฟิก
2) ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยการพยายามสร้างความเป็นหุ้นส่วนแห่งความเป็นหนึ่งเดียวและเท่าเทียม (unity and equality) โดยคำนึงถึงความสมดุลและการยอมรับให้เข้าเป็นส่วนหนึ่ง
3) ให้ความสำคัญกับการเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อสร้างเขตการค้าเสรีแห่งเอเชีย-แปซิฟิก ที่สัมพันธ์กับการปรับปรุงองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) แลประสานงานด้วยดีกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) ความตกลงที่ครอบคลุมกว้างขวางและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนข้ามแปซิฟิก (the Comprehensive and Progressive Agreement for Trans-Pacific Partnership) และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจดิจิตัล (Digital Economy Partnership Agreement)
4) พัฒนาการเชื่อมต่อให้มีมาตรฐานสูงยิ่งขึ้นทั้งในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานและด้านอื่นๆ โดยจีนจะให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันร่วมไปกับการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้น (BRI)
5) สร้างห่วงโซ่อุปาทานทางอุตสาหกรรมที่มีเสถียรภาพไม่ขาดตอน และ
6)พัฒนาการยกระดับทางเศรษฐกิจใหม่ๆด้วยรูปแบบใหม่ๆโดยอาศัยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ใช้คาร์บอนต่ำ สนับสนุนภาคเศรษฐกิจ การเงินสีเขียว เพื่อนำไปสู่การจัดทำกรอบความร่วมมือเอเชีย-แปซิฟิกสีเขียว[14]
สำหรับท่าทีของไทยดังกล่าวข้างต้น อาจถือได้ว่าเป็นมิติใหม่ในการดำเนินความสัมพันธ์กับจีน เพราะที่ผ่านมานั้น นโยบายของไทยต่อจีนมักจะเป็นไปในลักษณะเชิงรับ (passive policy) จากแรงกดทับของความเปลี่ยนแปลงระหว่างประเทศ หรือแม้กระทั่งแรงกดทับจากมหาอำนาจนอกภูมิภาคโดยตรง ท่าทีที่ค่อนข้างกระตือรือร้นของไทยต่อจีนดังกล่าวจึงอาจถือได้ว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่[15] ในโอกาสฉลองครบรอบทศวรรษความสัมพันธ์ของการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับจีน ที่ผู้นำจีนถือว่า “ไทยกับจีนใกล้ชิดเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน” จึงควรพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพ ความมั่งคั่ง และความยั่งยืน ให้กับมิติใหม่ๆของความสัมพันธ์ ที่ควรดำเนินการอย่างจริงจังตามกรอบระยะเวลา 5 ปี แผนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ โดยอาศัยพลังผนึกจากความร่วมมือ BRI โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจดิจิตัล ยานยนต์ที่ใช้พลังงานแบบใหม่ และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เสริมความร่วมมือด้านต่างๆแต่เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว ความร่วมมือสามฝ่ายระหว่างจีน-ลาว-ไทยในเรื่องรถไฟความเร็ว และกรอบพัฒนาระเบียงเชื่อมต่อจีน-ลาว-ไทย (China-Thailand-Laos Connectivity Development Corridor Outlook) ซึ่งจะยิ่งช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชนสู่ประชาชน และมิติทางวัฒนธรรม[16]
คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า การปรับท่าทีดังกล่าวของรัฐไทย กอปรกับการแสดงจุดยืนข้างต้นของจีน คงทำให้เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาอาจต้องใช้ความพยายามมากขึ้น หากปรารถนาจะให้การสร้างความสัมพันธ์แบบรอบด้านและค่อนข้างเน้นความสมดุลของไทย(และอาเซียน) ไม่เอนเอียงเข้าหาปักกิ่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อตะวันตกไม่จำเป็นต้องหมายถึงแค่เพียงสหรัฐอเมริกาเป็นแกนนำ เหมือนเช่นที่มาครงจากฝรั่งเศสพยายามแสดงบทบาทในเอเปกครั้งนี้ และตะวันตกยังไม่มีอภิมหาโปรเจกตฺมาใช้ดึงดูดความสนใจและความร่วมมือจากประเทศในภูมิภาค เหมือนเช่นที่จีนสมัยสี จิ้นผิง นำเสนอโดยการตอกย้ำถึงลักษณะเปิดกว้าง และแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน (แม้จะต้องคิดพิจารณาให้รอบด้านมากขึ้น เมื่อจะดำเนินการจริง) จากการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
[1] ‘China’s President Xi Jinping visits Kazakhstan, His first visit post-Covid-19’. (14/11/2022). Outlook. Retrieved from https://www.outlookindia.com/international/china-s-president-xi-jinping-visits-kazakhstan-his-first-visit-post-covid-19-news-223266 (accessed 27/11/2022) [2] Zandor Zsiros. (23/11/2022). ‘Europe’s energy crisis ‘even worse’ next winter if no end to Ukraine war, warns Paolo Gentiloni ’. euronews. Retrieved from https://www.euronews.com/my-europe/2022/11/22/europes-energy-crisis-even-worse-next-winter-if-no-end-to-ukraine-war-warns-paolo-gentilon (accessed on 27/11/2022); Clara Demina and Sarah Mc Farlane. (3/11/2022). ‘Energy crisis chips away at Europe industrial might’. Reuters. Retrieved from https://www.reuters.com/business/energy/energy-crisis-chips-away-europes-industrial-might-2022-11-02/ (accessed on 28/11/2022) [3] ‘At G20 Summit, Xi and Biden offer rival visions for solving global issues’. (15/11/2022). The New York Times. Retrieved from https://www.nytimes.com/2022/11/15/world/asia/xi-biden-g20.html (accessed on 28/11/2022); Retrieved from https://www.chathamhouse.org/2022/11/g20-bali-summit-showcases-more-diverse-world (accessed on 28/11/2022) [4]ผู้เขียนได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ในเรื่องดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเริ่มพัฒนาตัวของรัฐเอกราชมากมายในเอเชียและแอฟริกาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไว้ที่อื่นแล้ว ผู้สนใจโปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ วรารัก เฉลิมพันธุศักดิ์ (2564) “หน่วยที่ 15 ทวิลักษณ์ของความเคลื่อนไหวในประเทศโลกที่สาม” ในเอกสารการสอนชุดวิชา ความขัดแย้งและความร่วมมือระหว่างประเทศ นนทบุรี: สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช [5] Sebastain Strangio. (27/8/2021). ‘What were the main outcomes of Kamala Harris’s trip to Southeast Asia’. The Diplomat. Retrieved from https://thediplomat.com/2021/08/what-were-the-main-outcomes-of-kamala-harris-trip-to-southeast-asia/ (accessed on 30/11/2022) [6] ‘US vice President Harris ends Asia tour with fresh jab at China’. (27/8/2021). Aljazeera. Retrieved from https://www.aljazeera.com/news/2021/8/27/vp-harris-vows-us-will-speak-up-on-south-china-sea (accessed 1/12/2022) [7] ‘China’s economy shows as ‘zero COVID’ drags down sales, industry’. (15/8/2022). Aljazeera. Retrieved from https://www.aljazeera.com/economy/2022/8/15/chinas-economy-slows-as-zero-covid-drags-down-sales-industry (accessed on 1/12/2022) [8] ‘Building on Apec pluses’. (24/11/2022). Bangkok. Retrieved from https://www.bangkokpost.com/opinion/opinion/2445020/building-on-apec-pluses (accessed on 3/12/2022) [9]ความสำคัญของอินโด-แปซิฟิก ซึ่งขาดที่มีการคาดหวังว่า ศตวรรษที่ 21 มีแนวโน้มที่จะเป็นศตวรรษแห่งอินโด-แปซิฟิก (The Indo-Pacific Century) ซึ่งอาจหาใช่พื้นที่ที่มหาอำนาจใดมหาอำนาจหนึ่งจะสามารถบ่งการความเป็นไประหว่างประเทศได้แต่เพียงผู้เดียว เป็นสิ่งที่ผู้เขียนเสนอข้อถกเถียงไว้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว สำหรับผู้สนใจในประเด็นดังกล่าวที่ดูจะได้รับการยืนยันมากขึ้นทุกทีถึงโลกที่มีลักษณะพหุนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างมากในลักษณะที่แกนกลางขยับห่างออกจากตะวันตกเพิ่มมากขึ้น ที่ดูจะก่อนรูปได้ชัดขึ้นในเวทีระหว่างประเทศเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2022 ผู้สนใจในพัฒนาการความเป็นไปของเรื่องดังกล่าวโปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ วรารัก เฉลิมพันธุศักดิ์ (2559). แนวโน้มและทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก (Global Trends) ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเป็นไปของประเทศไทยและสังคมไทย (รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์) เสนอต่อ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565. https://www.klangpanya.in.th/postสำเนาของ-สำเนาของ-รายงานวิจัยโครงการบทบาทของตุรกีในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้. [10] ‘France rejects ‘confrontation’ in Asia, Macron says’. (18/11/2022). France 24. Retrieved from https://www.france24.com/en/asia-pacific/20221118-france-rejects-confrontation-in-asia-macron-says (accessed on 3/12/2022); Thierry Mathou. (21/11/2022). ‘Why Franco-Thai relations matters’. Bangkok Post. Retrieved from https://www.bangkokpost.com/opinion/opinion/2442320/why-franco-thai-relations-matter (accessed on 3/12/2022) [11] ‘Singapore PM Lee’s APEC 2022 posts go viral on Facebook’. (20/11/2022). The Nation. Retrieved from https://www.nationthailand.com/special-edition/40022258 (accessed on 4/12/2022); ‘How world leaders turned super-influencers for Thai tourism at APEC’. (22/11/2022). The Nation. Retrieved from https://www.nationthailand.com/special-edition/40022323 (accessed 4/12/2022) [12] Naomi Lim. (18/11/2022). ‘Kamala Harris tells APEC in Thailand the U.S ‘is hereto stay’’. Washington Examiner. Retrieved from https://www.washingtonexaminer.com/restoring-america/courage-strength-optimism/kamala-harris-apec-thailand-us-here-to-stay (accessed on 4/12/2022); ‘Readout of Vice President Harris’s Meeting with Prime Minister Prayut of Thailand’. (19/11/2022). The White House. Retrieved from https://www.whitehouse.gov/briefing-room/statements-releases/2022/11/19/readout-of-vice-president-harriss-meeting-with-prime-minister-prayut-of-thailand/ (accessed on 4/12/2022); Nike Ching. (15/11/2022). ‘US eyes APEC to boost commercial ties, despite Biden’s absence’. VOA. Retrieved from https://www.voanews.com/a/us-eyes-apec-to-boost-commercial-ties-despite-biden-s-absence/6835898.html (accessed on 4/12/2022) [13] ‘The Prime Minister of Thailand met with the Vice President of the United State’. (19/11/2022). Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand. Retrieved from https://www.mfa.go.th/en/content/us-vp-apec-2?cate=5d5bcb4e15e39c306000683c (accessed on 4/12/2022) [14] ‘President Xi Jinping delivered a written speech at the APEC CEO Summit’. (17/11/2022). Ministry of Foreign Affairs of the People’s Republic of China. Retrieved from https://www.fmprc.gov.cn/eng/zxxx_662805/202211/t20221117_10977274.html (accessed on 4/12/2022) [15]วรารัก เฉลิมพันธุศักดิ์ (2565) ““การริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)” เส้นทางแห่งการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ท่ามากลางบรรยากาศระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไทย” นำเสนอในงานสัมนายุทธศาสตร์ไทย-จีน ครั้งที่ 11 (The Eleventh Thai – Chinese Strategic Research Seminar) โดย ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยหัวเฉียวแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Huaqiao University, HQU) สถาบัน China Society for Southeast Asian Studies (CSSAS) และสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน สัมมนาออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น ZOOM วันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 2022 ณ. ห้องประชุมศูฯย์ศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กรุงเทพมหานคร บทความชิ้นนี้ปรับปรุงขึ้นจากรายงานการวิจัยภายใต้ชื่อ ““การริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative: BRI) ศึกษากรณีศรีลังกา กัมพูชา และปากีสถาน: ข้อพิจารณาและข้อเสนอแนะต่อไทย” เสนอต่อ สถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ เมื่อค.ศ. 2021 งานวิจัยดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยเชื่อมไทยเชื่อมโลกด้วย BRI 1 ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณดำเนินการจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ปี ค.ศ. 2020 [16] ‘President Xi Jinping holds talk with Thai Prime Minister Prayut Chan-o-cha’. (19/11/2022). Ministry of Foreign Affairs of the People’s Republic of China. Retrieved from https://www.fmprc.gov.cn/eng/zxxx_662805/202211/t20221119_10978201.html (accessed on 4/12/2022)
This post has such a refreshing energy to it. I felt like I was in a space where the words were meant to help, not just impress, and that’s a rare feeling. Your voice is strong yet kind, and the pacing of the post made it so easy to stay engaged. I also appreciate the sense of care in your writing—it’s the kind of content that feels like it was made with the reader in mind from beginning to end. Keep writing with this thoughtful energy. It’s clearly something people connect with deeply. I’m happy I found your blog today! With only two weeks before my trip, I was really counting on a quick approval process. The djibouti e visa…
What stands out most about your writing is its quiet confidence. You present ideas without pushing them, allowing the reader space to think and respond. This post in particular showed that strength clearly. I appreciated the tone, structure, and pacing throughout. It’s always a joy to read work that respects the reader’s intelligence and experience. Whether you’re visiting for business or leisure, the e-visa zimbabwe process allows you to apply with ease. I loved that the entire system was optimized for a user-friendly experience. With step-by-step guidance and clear input fields, I didn’t have to guess anything. It’s a big relief to complete the process without needing assistance or third-party services. Plus, getting your approval before traveling helps avoid any unpleasant…
Really enjoyed this post! It’s engaging, clear, and full of useful advice. Perfect for those just starting out. Planning a vacation to Kenya? Thai citizens now need the Kenya eTA for Thailand as part of their travel documents. This new requirement ensures a more organized entry process into Kenya. The application is fully digital and only takes a short time to complete online. Once approved, travelers receive the eTA by email, ready for presentation upon arrival. It’s convenient, quick, and supports a better travel experience. Thai tourists are encouraged to apply ahead of time to avoid last-minute issues. It's essential to verify all travel details before submission to prevent delays. A smart choice for stress-free travel.
I truly enjoyed reading this post! The way you broke down the information made it easy to follow and understand. Even someone with little background on the topic can learn a lot from it. Your writing is clear and engaging, which makes the blog even more enjoyable. Thailand citizens can obtain an Ethiopia e Visa for Thailand Citizens easily online for tourism. The application process is fast and convenient, requiring just a valid passport and travel details. No embassy visit is needed. Once approved, the e-Visa is sent by email, allowing smooth entry into Ethiopia for Thai travelers.